สังคมสงเคราะห์
สังคมสงเคราะห์เป็นสาขาวิชาการและวิชาชีพซึ่งมุ่งปรับปรุงคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของปัจเจกบุคคล กลุ่มหรือชุมชน โดยดำเนินการผ่านการวิจัย นโยบาย การจัดการชุมชน การปฏิบัติโดยตรง และการสอนในนามของผู้ที่ประสบความยากจนหรือผู้ที่ได้รับหรือรู้เห็นความอยุติธรรมในสังคมและการละเมิดสิทธิมนุษยชน การวิจัยมักมุ่งไปยังขอบเขต เช่น การพัฒนามนุษย์ นโยบายสังคม การบริหารสาธารณะ การประเมินผลโครงการ และการพัฒนาระหว่างประเทศและชุมชน นักสังคมสงเคราะห์จัดเป็นกลุ่มวิชาชีพท้องถิ่น ระดับชาติ ภูมิภาคและระหว่างประเทศ สังคมสงเคราะห์ ซึ่งเป็นแวดวงสหวิทยาการ ครอบคลุมทั้งทฤษฎีวิชาเศรษฐศาสตร์ การศึกษา สังคมวิทยา การแพทย์ ปรัชญา การเมืองและจิตวิทยา
ประวัติศาสตร์
สังคมสงเคราะห์มีที่มาในการยกระดับทางสังคมและเศรษฐกิจซึ่งได้รับการส่งเสริมจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่สังคมต่อสู้เพื่อจัดการกับยากจนและปัญหาผลพวง เพราะการจัดการกับความยากจนเป็นความสนใจหลักของสังคมสงเคราะห์ระยะแรก จึงมีความเชื่อมโยงกับมโนทัศน์งานการกุศลอย่างแยกไม่ค่อยออก แต่ปัจจุบันได้มีความหมายกว้างกว่าในอดีตมาก ตัวอย่างเช่น นักสังคมสงเคราะห์สมัยใหม่มักไม่ค่อยจักการกับปัญหาผลพวงอันเกิดจาก "ปัญหาสังคม" อื่นทั้งหลาย เช่น การเหยียดเชื้อชาติ การกีดกันทางเพศ การกลัวคนและการเลือกปฏิบัติเพราะอายุหรือความสามารถทางกายหรือจิต แต่นักสังคมสงเคราะห์สมัยใหม่หลายคนก็จัดการกับผลพวงของปัญหาเหล่านี้และปัญหาสังคมอื่นอีกมากในทุกภาคส่วนของงานบริการสังคม เช่นเดียวกับในสาขาอื่น
ขณะที่สังคมสงเคราะห์ดำเนินการบนรากฐานที่เป็นวิทยาศาสตร์มากกว่าโดยมุ่งควบคุมและปฏิรูปปัจเจกบุคคล (ครั้งหนึ่ง ได้มีการสนับสนุนญัตติว่าความยากจนเป็นโรคอย่างหนึ่ง) ในสมัยปัจจุบันได้มีการใช้แนวเข้าสู่การศึกษาที่มีวิจารณญาณและเป็นองค์รวมมากขึ้นเพื่อทำความเข้าใจและแทรกแซงปัญหาสังคม ตัวอย่างเช่น สังคมสงเคราะห์ปัจจุบันได้นำไปสู่การสร้างกรอบมโนทัศน์ความยากจนใหม่ว่าเป็นปัญหาของผู้มีอันจะกินต่อผู้ไม่มีอันจะกินมากกว่าสถานะในอดีตที่เป็นโรค ความเจ็บป่วยหรือข้อบกพร่องทางศีลธรรมที่ต้องการการรักษา ซึ่งยังชี้ไปยังการพัฒนาทางประวัติศาสตร์อีกอย่างหนึ่งในวิวัฒนาการของสังคมสงเคราะห์ คือ เมื่อสังคมสงเคราะห์มีส่วนมากขึ้นในการควบคุมสังคม ก็ได้กลายมาเป็นวิชาชีพที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างพลังทางสังคมมากขึ้น ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่านักสังคมสงเคราะห์สมัยใหม่ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับการควบคุมสังคม (พิจารณาตัวอย่างเช่น นักคุ้มครองเด็กตามกฎหมาย) และนักสังคมสงเคราะห์ส่วนมากจะตกลงว่าสังคมสงเคราะห์สมัยใหม่เป็นความตึงเครียดและการถกเถียงที่กำลังดำเนินอยู่
การพัฒนาวิชาชีพร่วมสมัย
สหพันธ์นักสังคมสงเคราะห์สากลแถลงเกี่ยวกับสังคมสังเคราะห์ปัจจุบันว่า
"สังคมสงเคราะห์อาศัยวิธีการจากงานความรู้อิงหลักฐานเป็นระบบ ซึ่งได้มาจากการวิจัยและการปฏิบัติประเมินค่า รวมทั้งความรู้ท้องถิ่นและพื้นเมืองเจาะจงต่อบริบทของมัน สังคมสังเคราะห์เล็งเห็นความซับซ้อนของปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม และขีดความสามารถของมนุษย์ทั้งที่ได้รับผลกระทบจากและเปลี่ยนแปลงอิทธิพลทั้งหลายที่มีต่อเขาเหล่านั้น รวมทั้งปัจจัยทางชีว-จิตสังคม วิชาชีพสังคมสงเคราะห์ดึงทฤษฎีการพัฒนามนุษย์ ทฤษฎีสังคมและระบบสังคมเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ซับซ้อนและเพื่ออำนวยความสะดวกแก่การเปลี่ยนแปลงปัจเจกบุคคล องค์การ สังคมและวัฒนธรรม"
คุณสมบัติ
นักสังคมสงเคราะห์อาชีพโดยทั่วไปพิจารณาว่าผู้นั้นต้องสำเร็จปริญญา นอกจากนี้ มักต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหรือขึ้นทะเบียนวิชาชีพด้วย
การศึกษานักสังคมสงเคราะห์เริ่มต้นด้วยปริญญาตรีด้านสังคมสงเคราะห์ บางประเทศยังมีการสอนบัณฑิตวิทยาลัยด้านสังคมสงเคราะห์ เช่น ปริญญาโทหรือปริญญาเอก มีผู้สำเร็จการศึกษาสังคมสงเคราะห์ศึกษาหลังปริญญาเอกเพิ่มขึ้นทุกที มีการถกเถียงว่าการศึกษาสังคมสงเคราะห์ควรเป็นกระบวนการตลอดชีวิต
ในประเทศและเขตอำนาจจำนวนหนึ่ง ผู้ที่ทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์ต้องขึ้นทะเบียนหรือการทำใบอนุญาตประกอบวิชาชีพและมีคุณสมบัติบังคับไว้ ส่วนในประเทศอื่น สมาคมวิชาชีพกำหนดคุณสมบัติทางวิชาการสำหรับการเข้าเป็นสมาชิก ความสำเร็จในความพยายามของหน่วยงานวิชาชีพเหล่านี้ปรากฏในข้อเท็จจริงที่ว่ามีข้อกำหนดเดียวกันรับรองโดยนายจ้างว่าจำเป็นต่อการว่าจ้าง
บทบาทของวิชาชีพ
งานหลักของนักสังคมสงเคราะห์อาชีพมีบริการหลายอย่าง เช่น การจัดการรายกรณี (เชื่อมโยงผู้ใช้บริการกับหน่วยงานและโครงการซึ่งจะเป็นไปตามความต้องการทางจิตสังคมของพวกเขา พบทั่วไปในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร) ให้คำปรึกษาและจิตบำบัด การจัดการบริการสังคม วิเคราะห์นโยบายสวัสดิการสังคม การพัฒนานโยบายและการปฏิบัติ การจัดการชุมชน การพัฒนาระหว่างประเทศ สังคมและชุมชน การว่าความ การสอน (ในโรงเรียนหรืองานสังคมสงเคราะห์) และการวิจัยทางสังคมและการเมือง
มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน
-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
-มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
มหาวิยาลัยธรรมศาสตร์
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ได้เปิดการศึกษาในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ในระดับปริญญาตรี ได้เปิดการเรียนการสอนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ศูนย์รังสิต และศูนย์ลำปาง ในระดับปริญญาโท ได้เปิดการศึกษาทั้งในภาคปกติ และภาคพิเศษ โดยเปิดการเรียนการสอนที่ท่าพระจันทร์ และศูนย์พัทยา สำหรับหลักสูตรและการจัดการศึกษามีดังนี้
- หลักสูตร/โครงการ(ภาคพิเศษ)
- 1. ระดับปริญญาตรี (ภาคปกติ)
- 1.1 สังคมสงเคราะห์ศาสตรบัณฑิต ท่าพระจันทร์/ศูนย์รังสิต
- 1.2 สังคมสงเคราะห์ศาสตรบัณฑิต ศูนย์ลำปาง
- 2. ระดับปริญญาโท (ภาคปกติ)
- 2.1 หลักสูตรสังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต
- 2.2 หลักสูตรพัฒนาชุมชนมหาบัณฑิต
- 3.ระดับปริญญาโท (ภาคพิเศษ)
- 3.1 โครงการปริญญาโท สาขาบริหารและนโยบายสวัสดิการและนโยบายสวัสดิการสังคม
- 3.2 โครงการปริญญาโท สาขาบริหารงานยุติธรรม
- 3.3 โครงการปริญญาโท สาขาพัฒนาแรงงานและสวัสดิการ
- 3.4 โครงการปริญญาโท สาขาพัฒนาชุมชน ศูนย์พัทยา
- 4.ระดับปริญญาเอก (ภาคปกติ)
- 4.1 หลักสูตรสังคมสงเคราะห์ศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาการบริหารสังคม
การศึกษาภาคปฏิบัติ การศึกษาในหลักสูตรสังคมสงเคราะห์ศาสตรบัณฑิต ประกอบด้วยภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ เพื่อให้นักศึกษา ถึงพร้อมด้วยความรู้ (Knowledge) ทัศนคติ (Attitude) และทักษะ (Skill) ทางสังคมสงเคราะห์ รวมทั้งคุณธรรม และจริยธรรมทางวิชาชีพ โดยเฉพาะการฝึกภาคปฏิบัตินั้น จะช่วยให้เกิดทักษะในการปฏิบัติงาน และช่วยให้นักศึกษามีความพร้อมในการนำความรู้ความเข้าใจในศาสตร์สังคม สงเคราะห์ภาคทฤษฎีไปใช้ในการปฏิบัติงานได้จริงเมื่อจบการศึกษาแล้ว รวมทั้งเป็นการปลูกจิตสำนึกและทัศนคติที่ดีของการเป็นนักสังคมสงเคราะห์ วิชาชีพต่อไปในอนาคต การฝึกภาคปฏิบัติ ซึ่งเป็นวิชาบังคับในหลักสูตรสังคมสงเคราะห์ศาสตรบัณฑิต มีจำนวน 2 วิชา คือ 1. สค.202 การฝึกภาคปฏิบัติ 1 : ฝึกให้นักศึกษาได้นำวิธีการสังคมสงเคราะห์เฉพาะราย กลุ่มไปใช้ในการปฏิบัติงานขององค์การ ฝึกให้นักศึกษาเรียนรู้แนวคิด ทฤษฎี หลักการ ทักษะทางวิชาชีพ โดยเฉพาะการนำวิธีการสังคมสงเคราะห์แบบ ผสมผสานไปประยุกต์ใช้ในหน่วยงานที่ให้บริการ ฝึกให้นักศึกษารู้จักวิเคราะห์ เชื่อมโยงการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์แบบผสมผสาน การนำเสนอแนวคิดเพื่อปรับปรุงทั้งวิธีการให้บริการและการพัฒนาระบบสวัสดิการ สังคมใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทยในระดับต่างๆ (ฝึกภาคสนาม 270 ชั่วโมง ตลอดภาคการศึกษา)
2. สค.301 การฝึกภาคปฏิบัติ 2 : ฝึกให้นักศึกษาได้นำวิธีการสังคมสงเคราะห์ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานกับชุมชน เมืองหรือชนบท ฝึกให้นักศึกษาสามารถศึกษาชุมชน วิเคราะห์ชุมชน การวางแผนดำเนินโครงการ การปฏิบัติการตามแผนงานการประเมินผลการดำเนินงาน โดยนำแนวคิด ทฤษฎี หลักการ และวิธีการสังคมสงเคราะห์แบบผสมผสานไปใช้ในการศึกษา ฝึกให้นักศึกษาเกิดทักษะการทำงานกับชุมชน การสร้างเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการปฏิบัติงานชุมชนทุกขั้นตอน การเรียนรู้กลยุทธ์ใหม่ในการทำงานกับชุมชน (ฝึกภาคสนาม 270 ชั่วโมง ตลอดภาคการศึกษา)
กิจกรรมนักศึกษา คือ งานที่นักศึกษาจัดขึ้นนอกเวลาเรียน ทั้งภายในและนอกสถาบัน อาจเกี่ยวข้องกับการเรียนในหลักสูตรโดยตรง ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวไม่มีการบังคับให้เข้าร่วม เกิดจากความเต็มใจ และสมัครใจของนักศึกษา กิจกรรมของนักศึกษาจัดขึ้นเพื่อสร้างสรรค์ และเป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เพื่อความรู้ ตอบสนองความต้องการและความสนใจของนักศึกษาเอง คือ เกิดความสนุกสนาน รวมถึงการเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้นำความรู้ความสามารถของตนมาใช้ให้เกิดประโยชน์
ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้รับจากการทำกิจกรรมนักศึกษานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ และเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตในอนาคต เนื่องจาก ปัจจุบันสังคมไม่ต้องการคนเก่งทางวิชาการเพียงอย่างเดียวแต่ต้องการ คนที่มีความสมบูรณ์ทั้งความรู้ทางวิชาการ วิชาชีพ และทักษะชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นบัณฑิตที่สมบูรณ์ ประโยชน์ที่นักศึกษาได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรม ทำให้นักศึกษาเปิดมุมมองของตนเองให้กว้างขึ้น จัดการและบริหารเวลาได้อย่างเหมาะสม สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น มีบุคลิกภาพที่ดี รู้จักบทบาทผู้นำและผู้ตาม
การเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษา ไม่เพียงทำให้นักศึกษาใช้เวลาว่างและเกิดประโยชน์ แต่ยังส่งเสริมให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้นอกห้องเรียน นักศึกษาที่สนใจกิจกรรม ต้องการเข้าร่วมกิจกรรม หรือต้องการเป็นสมาชิกชมรม ชุมนุมต่าง ๆ
มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
ระดับปริญญาตรี หลักสูตรสังคมสงเคราะห์ศาตร์บัณฑิต(สส.บ.) หลักสูตรใหม่ (ปีการศึกษา 2555-2559) นักศึกษานอกจากจะได้เรียนรู้ "วิชาชีพสังคมสงเคราะห์" อย่างลึกซึ้งทั้งภาคทฤษฎี และการฝึกปฏิบัติแล้ว ยังจะได้เรียน การใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพื่อเสริมสร้างคุณภาพการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ เช่น "การวิเคราะห์ข้อมูล(Data Analysis) ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ" "การนำเสนอข้อมูล(Presentation) อย่างมืออาชีพ" "การออกแบบและจัดทำฐานข้อมูล (Database System)" "ระบบารสนเทศทางภูมิศาสตร์(Geographic Information System)" และ "การจัดทำโปรแกรมเว็บไซต์ (Web Application)"
โดยมีกลุ่มวิชาให้เลือกเรียนในชั้นปีที่ 3-4 ดังนี้ คือ
- กลุ่มวิชาเสริมการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ด้านครอบครัวและเด็ก
- กลุ่มวิชาเสริมการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์การแพทย์
- กลุ่มวิชาเสริมการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์สาธารณภัย
- กลุ่มวิชาเสริมการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์อุตสาหกรรม
- กลุ่มวิชาเสริมการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์กระบวนการยุติธรรม
ระดับปริญญาโท
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สมัครเข้าศึกษา
ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าจากสถาบันอุดมศึกษาที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาและคณะกรรมการประจำหลักสูตรบัณฑิตศึกษาพิจารณาเห็นสมควรรับเข้าศึกษา
การสอบคัดเลือก
ใช้วิธีสอบข้อเขียนทดสอบพื้นความรู้ทางสังคมศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และการสอบสัมภาษณ์ สำหรับผู้มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการทำงานด้านสังคมอย่างน้อย 2ปี หรือผู้บริหารในหน่วยงานทุกระดับ จะสอบคัดเลือกโดยวิธีการสัมภาษณ์เพียงอย่างเดียว
ระยะเวลาในการศึกษา การศึกษาเป็นระบบ 3 ภาคการศึกษา คือ ภาคที่ 1 และภาคที่ 2 เรียนภาคละ 16 สัปดาห์ ๆ ละ 12 ชั่วโมง ภาคฤดูร้อนเรียน 8 สัปดาห์ ๆ ละ 12 ชั่วโมง นักศึกษาสามารถจบการศึกษาได้ภายใน 2 ปี
การศึกษาดูงาน
นักศึกษามีโอกาสศึกษาดูงานทั้งภายในและต่างประเทศตามความสนใจ สอดคล้องและเหมาะสมกับหลักสูตรหรืออาจจัดให้มีโครงการแลกเปลี่ยนกับสถาบันหรือหน่วยงานภายในหรือต่างประเทศตามที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการประจำหลักสูตรฯ